หมอนหนุนเพื่อสุขภาพ 2025 ควรเลือกยังไง? คู่มือการเลือกหมอนให้เหมาะกับสุขภาพและการนอน

1. ลักษณะท่านอนของคุณ
นอนหงาย: เลือกหมอนที่มีความสูงปานกลาง รองรับต้นคอได้ดี เช่น หมอนเมมโมรี่โฟมทรงโค้ง
นอนตะแคง: ควรใช้หมอนที่สูงและแน่นเพื่อให้ศีรษะอยู่ระดับเดียวกับกระดูกสันหลัง
นอนคว่ำ: ใช้หมอนที่แบนมากหรือไม่ใช้หมอนเลยจะดีกว่าเพื่อลดแรงกดบริเวณต้นคอ

2. วัสดุของหมอน
ในปี 2025 มีวัสดุที่ตอบโจทย์การนอนหลากหลายมากขึ้น เช่น
เมมโมรี่โฟม (Memory Foam): รองรับแรงกดตามรูปศีรษะและต้นคอ ลดแรงกดจุด
ลาเท็กซ์ธรรมชาติ (Natural Latex): ระบายอากาศดี ป้องกันไรฝุ่น
เจลคูลลิ่ง (Cooling Gel): ควบคุมอุณหภูมิ เหมาะกับคนที่เหงื่อออกง่าย
ไฟเบอร์หรือใยสังเคราะห์: ราคาย่อมเยา ซักได้ง่าย แต่เสื่อมสภาพเร็วกว่า

3. การระบายอากาศ
ในยุคที่คนให้ความสำคัญกับสุขอนามัย หมอนควรมีคุณสมบัติระบายอากาศดี ไม่อับชื้น และป้องกันเชื้อรา โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนชื้น

4. ฟังก์ชันสุขภาพ
หมอนสุขภาพในปี 2025 มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ เช่น
– หมอนอัจฉริยะ (Smart Pillow) เชื่อมต่อแอปติดตามคุณภาพการนอน
– หมอนลดกรน หรือหมอนปรับระดับได้
– หมอนต้านแบคทีเรีย ป้องกันไรฝุ่น เหมาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้

5. งบประมาณ
หมอนดีไม่จำเป็นต้องแพง ควรเลือกให้เหมาะสมกับงบและคุณสมบัติที่ต้องการ โดยหมอนสุขภาพคุณภาพดีมักมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 500 – 3,000 บาท

• เปลี่ยนหมอนทุก 1-2 ปี เพื่อรักษาคุณภาพการนอนและสุขภาพ

• ซักปลอกหมอนทุกสัปดาห์ ลดสารก่อภูมิแพ้

• ทดลองหมอนก่อนซื้อ โดยเฉพาะหากมีอาการปวดคอหรือปวดหลังเป็นประจำ